สัดส่วนการบริหารควรเป็นแบบไหน
-
อยากทราบวิธีการแบ่งสัดส่วนการบริหารรายรับรายจ่ายและเงินออกในแต่ละเดือนที่เหมาะสมค่ะ
-
แนะนำว่า เริ่มจากส่วนสำคัญที่สุดคือเงินออมครับ ควรจะไม่น้อยกว่า 10% ของรายได้ และถ้าเป็นไปได้ พยายามให้ถึง 25% ขึ้นไปครับ เช่น ถ้ามีรายได้ต่อเดือน 10,000 บาท เมื่อได้รายได้มา ควรแยกเงินออม ออกไปก่อนเลยครับ เช่น ถ้าเราตั้งเป้าไว้ 25% คือ 2,500 ก็ควรจะโอนไปไว้ในบัญชีออม หรือ นำไปลงทุน (ถ้าเข้าใจเรื่องลงทุน) แล้วค่อยใช้เงินส่วนที่เหลืออีก 75%
-
@cecilice หากเรากลับไปทำความเข้าใจเรื่อง อัตราส่วนการเงิน จะทำให้เข้าใจเรื่องวินัยการเงิน และนำไปปฏิบัติใช้ได้ทันทีเลยครับ
ผมแนะนำดังนี้ นะครับ
-
ใช้น่อยกว่าที่หาได้ ถ้าทำแบบนี้จะไม่มีวันเป็นหนี้ ชีวิตจะร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ -> อัตราส่วนการออม (เงินออม+กระแสเงินสดสุทธิ) หารด้วย รายรับรวม > 10% อัตราส่วนการออมนี้หลายคนเข้าใจว่าควรออมเงินอย่างน้อย 10% แต่ในความเป็นจริงอัตราส่วนนี้ แนะนำว่าใช้เงินแค่ 90% ของรายได้ เพื่อที่จะได้นำส่วนที่เหลือไปแก้หนี้หรือลงทุน
-
ไม่ควรใช้เงินในอนาคต มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น ไม่มีเงินอย่าซื้อ -> อัตราส่วนสภาพคล่อง (เงินสดที่มี) หารด้วย หนี้สินระยะสั้น) > 1 หลายคนผิดวินัยข้อนี้ เช่น ต้องการซื้อโทรศัพท์ราคา 40,000 บาท แต่ไม่มีเงินสด 40,000 บาท จึงเลือกใช้การผ่อน 10 เดือน อันนี้เป็นสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด มีลายคนทำ และในที่สุดก็พลาดกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนโต
-
ไม่ควรมีภาระการผ่อนชำระคืนหนี้ในแต่ละเดือนสูงจนเกินไป -> อัตราส่วนการชำระคืนหนี้จากรายได้ (เงินชำระคืนหนี้ หารด้วย รายได้) < 40% ทรัพย์สินบางอย่างนั้นราคาสูงมากจำเป็นต้องซื้อด้วยการใช้สินเชื่อ เช่น บ้าน และรถ แต่อย่างไรการวางแผนใช้สินเชื่อนั้น จะต้องประเมินความสามารถในการชำระคืนด้วย หลายคนไม่มีการวางแผนที่ดี สุดท้ายก็อาจจะมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่ยากเกินแก้ไขตามมา
อัตราส่วนการเงิน แนะนำเกินในการบริหารจัดการเงินไว้ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. สภาพคล่อง 2. หนี้สิน และ 3. การออมการลงทุน แยกออกเป็น 8 อัตราส่วน ลองศึกษาเพิ่มเติมต่อนะครับ
-
-
@cecilice ขอเสริมข้อมูลนะครับ เห็นด้วยกับอาจารย์ทั้งสองท่านที่ให้แนวคิดการแบ่งเงินออมไว้ก่อนใช้ โดยกำหนดเป็นเปอร์เซนต์ เช่น 10% หรือ 25% ของรายได้
แต่ในบางสถานการณ์สำหรับบุคคลทั่วไป การออมตามสัดส่วนเป็น % ที่กำหนดไว้ อาจจะเป็นเงินที่เยอะ(สำหรับคนที่ยังไม่เคยเริ่มออมเลย) หากต้องอดทนเพื่อออมให้ได้ตามสัดส่วนที่กำหนด อาจทำให้ผู้ออมท้อ และล้มเลิกความตั้งใจในการออมไปได้ ท่ามกลางภาวะหนี้สินและรายได้ที่ไม่เป็นใจ ประกอบกับรายจ่ายที่อาจจะเพิ่มขึ้น เรียกง่ายๆว่าสภาพคล่องทางการเงินยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
ดังนั้น ในช่วงแรกที่เรากำลังจะปรับเปลี่ยนให้ตัวเรามีพฤติกรรมการออมที่ดีขึ้น อาจเริ่มด้วยการแบ่งเงินออมไว้ ด้วยแนวคิดที่ว่า ออมไว้เท่าไรก็ได้ ขอให้มีการแบ่งไว้ออม ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แม้จะวันละ 5 บาท 10 บาท หรือเดือนละ 300 บาท เมื่อเวลาผ่านไป เงินออมที่ค่อยๆทะยอยออมและสะสมนี้ก็จะเริ่มมีมากขึ้น เมื่อสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น ประกอบกับความมีวินัยการออมที่ดีขึ้น จึงค่อยเพิ่มสัดส่วนการออมให้เป็นตามเกณฑ์ หรือมากกว่าเกณฑ์ได้
จึงอยากแชร์แนวคิดสำหรับคนที่อาจจะยังกลัวหรือกังวลกับการออม และมักคิดว่าตนเองจะทำไม่ได้ เพื่อให้เปิดใจและเริ่มต้นการออมได้ครับ