ประเมินความเสี่ยงและโอกาสเศรษฐกิจปี 2024 กันหน่อย...
-
บทความนี้ จะประเมินความเสี่ยงและโอกาสเศรษฐกิจปี 2024:
เศรษฐกิจจีน: ความเสี่ยง & โอกาส ปี 2024
ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ
คงต้องยอมรับว่าสำหรับเศรษฐกิจจีน หลังจากเกิดวิกฤตโควิดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แทบจะยังไม่ได้ไปไหนอย่างชัดเจน หรืออาจจะเรียกได้ว่าหยุดอยู่กับที่ ก็พอจะพูดได้
จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนที่แล้ว เราเริ่มจะเห็นถึงแนวทางของทางการจีนชัดเจนมากขึ้นพอสมควรแม้จะยังไม่ทั้งหมด ซึ่งหากจะกล่าวในภาพรวมคือ
หนึ่ง เน้นการส่งออกทั้งสินค้าและบริการ เนื่องจากปริมาณการผลิตสินค้าของจีนมีมากกว่าอุปสงค์ในประเทศจากการที่ชาวจีนเน้นการออมมากกว่าการบริโภค อันเป็นผลมาจากการขาดระบบบำนาญและประกันสุขภาพที่ดีพอ
สอง เน้นการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มพลังงานสีเขียวและยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการให้ subsidies หรือเงินอุดหนุน เพื่อให้มีราคาที่ต่ำท่ีสุด โดยคุณภาพยังดีพอจะชนะคู่แข่งได้
และ ท้ายสุด การเอาจริงเอาจังในการแก้หรือบรรเทาปัญหาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความรุนแรงเนื่องจากเกิดขึ้นมานาน ด้วยการทุ่มเงินก้อนใหญ่พอสมควรให้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจไปซื้อหนี้เสียซึ่งประเมินว่ายังพอมีศักยภาพ เพื่อต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการ
บทความนี้ จะขอกล่าวถึงโอกาสและความเสี่ยงของทางการจีนที่พยายามสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจจีน ดังนี้
- (โอกาส) ความหวังที่จะเป็น New Engine of growth ประกอบด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่
หนึ่ง การส่งออก version 2.0: คงต้องบอกว่าไม่ว่าจีนจะย่ำแย่หรือซึมเซามากขนาดไหนในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่ยังไว้ใจได้เสมอ นั่นคือการส่งออกที่ยังคงเป็นที่หนึ่งหากเทียบกับยักษ์ใหญ่ของในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยดุลการค้ากับสหรัฐ ถือว่ายังคงเกินดุลเป็นอย่างมาก ซึ่งเกินดุลในปีล่าสุดมากสุดเป็นประวัติการเสียด้วยซ้ำ จนสหรัฐต้องตัดสินใจขึ้นกำแพงภาษีต่อจีนในกลุ่มสินค้าพลังงานสีเขียวและยานยนต์ไฟฟ้า แถมยังเรียกร้องให้ประเทศในยุโรปขึ้นภาษีตาม ทว่าได้รับการตอบรับท่่ีไม่ดีนัก
ทั้งนี้ การท่ีรัฐบาลจีนเน้นการส่งออกดังกล่าว ได้สร้างประโยชน์ต่อประเทศจีน ใน 3 มิติ ได้แก่
-
มิติเศรษฐกิจ นั่นคือ การส่งออกที่เติบโตช่วยชดเชยการบริโภคของจีนที่ต่ำเพียง 35% เมื่อเทียบกับจีดีพี หรือเป็นแค่เพียงครึ่งหนึ่งของสัดส่วนการบริโภคในประเทศพัฒนาแล้ว และนั่นเป็นเหตุผลที่อัตราการเติบโตของจีดีพีของจีนยังสามารถโตได้ 5% ในช่วงเวลานี้
-
มิติสังคม ทำให้จีนสามารถแก้ปัญหาการบริโภคที่มีน้อยกว่าขนาดประเทศ จะไปส่งผลให้ภาคการผลิตหดตัวลงผ่านการส่งออกไปต่างประเทศ นั่นจะช่วยบรรเทาปัญหาการว่างงานซึ่งมีสูงค่อนข้างมากในกลุ่มคนเพิ่งจบการศึกษาใหม่ๆ
และ 3. มิติการเมือง โดยการส่งออกจีน ซึ่งเป็นที่หนึ่งในกลุ่มพลังงานสีเขียวและกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าในเวทีโลก ช่วยสร้างภาพลักษณ์ในแง่การเมืองระหว่างประเทศว่าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในสาขาดังกล่าว
สอง การที่จะสามารถมีสินค้าด้านอุตสาหกรรมที่มีราคาถูกกว่าประเทศคู่แข่งในเวทีโลกได้ย่อมจะต้องมีการให้เงินหรือข้อได้เปรียบด้านต่างๆ อาทิ ด้านภาษีและกฎเกณฑ์ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ต่อบริษัทของจีนเอง แน่นอนว่าสหรัฐและยุโรปเองก็ได้ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับบริษัทของตนเองเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ระบบและความลึกของการให้ความช่วยเหลือต่อบริษัทของตนเอง ยังถือว่ายังห่างชั้นกับจีน นั่นจึงทำให้ทางการสหรัฐหันมาขึ้นกำแพงภาษีต่อสินค้าหมวดเด่นๆของจีน พร้อมกับพยายามโน้มน้าวพันธมิตร อย่างยุโรป ให้ขึ้นกำแพงภาษีตามตนเอง
หันมาพิจารณาสิ่งที่ทางการจีนพยายามจะแก้ปัญหา ได้แก่ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการใช้กลไกการซื้อหนี้เสียที่มีศักยภาพโดยตรงจากตลาด แม้จะเป็นการแก้ปัญหาตรงจุด ทว่าต้องใช้ทรัพยากรที่มากมายและเวลาที่ค่อนข้างนาน กว่าที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรมเกือบทั้งระบบ
- ด้านปัญหา (ความเสี่ยง) ที่ยังมีอยู่ในระยะยาว คือ การบริโภคในประเทศที่มีน้อยไป และการออมที่มากไป ซึ่งทางการจีนรู้ดีว่า หากทำให้การบริโภคสูงขึ้น ผ่านการให้ค่าจ้างของชาวจีนสูงขึ้น จะเกิดความวุ่นวายทั้งในส่วนของการแก่งแย่งระหว่างกันของคนจีนด้วยกันเอง และทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของจีนย่ำแย่ลง จากต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งแม้ว่าในขณะนี้ จีนก็มีปัญหาต้นทุนสินค้าที่สูงกว่าคู่แข่งรายใหม่ๆ อย่างอินเดียและเวียดนามอยู่แล้ว ซึ่งจีนสามารถยังยิ่งใหญ่ด้านการส่งออกในทุกวันนี้ ก็จากอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากทางการเป็นหลัก
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ปัญหาดังกล่าวแก้ได้ยาก เพราะจะทำให้เกิดปัญหาด้านสังคมในระยะต่อไปตามมาด้วยนอกจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ
ท้ายสุด ปัญหาใหญ่ของจีนอยู่ตรงที่ ผลเชิงบวกจากการส่งออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตได้ดี อาจจะไม่มีพลังมากพอที่จะประคองเศรษฐกิจจีนได้ดีและนานพอ ก่อนที่จะรอจนการบริโภคสามารถขยับเพิ่มขึ้นมาทดแทน เนื่องจากมาตรการ Protectionism ด้านการส่งออกของสหรัฐและประเทศอื่นๆที่เป็นพันธมิตร อาทิ ญี่ปุ่นและอินเดีย จะมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงคู่แข่งด้านอุตสาหกรรมก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคตอันใกล้
ที่มาบทความ: https://www.efinancethai.com/MoneyStrategist/MoneyStrategistMain.aspx?release=y&id=TmRHR2s0VitrWDQ9
-
ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ มีความเห็นกับจีนอย่างไรกันบ้างครับ...
-
@bonthr ขอบคุณอาจารย์บุญธรรม สำหรับบทความครับ ผมขอเก็บข้อมูลก่อน ถ้ามีความคิดเห็น หรือ คำถามจะมาโพสนะครับ ระหว่างนึ้ รอฟังท่านอื่นๆ เพิ่มเติมครับ
-
@bonthr ผมมองว่าจีนเป็นประเทศที่ต้องระมัดระวังเรื่องของ Regulatory Risks เช่นการที่ภาครัฐมีการออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อควมคุมธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่นที่ผ่านมา มีทั้งอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อุตสาหกรรมการศึกษา รวมถึงการที่นโยบายภาครัฐก่อนหน้านี้อาจจะไม่ได้เป็นมิตรกับตลาดทุนมากนักครับผม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ครับ
-
@Tom89 พูดใน ประเมินความเสี่ยงและโอกาสเศรษฐกิจปี 2024 กันหน่อย...:
ครับ ทว่าหากพิจารณาในระยะยาว ไม่มีใครอยากจะพลาดการลงทุนในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลก
@bonthr ผมมองว่าจีนเป็นประเทศที่ต้องระมัดระวังเรื่องของ Regulatory Risks เช่นการที่ภาครัฐมีการออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อควมคุมธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่นที่ผ่านมา มีทั้งอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อุตสาหกรรมการศึกษา รวมถึงการที่นโยบายภาครัฐก่อนหน้านี้อาจจะไม่ได้เป็นมิตรกับตลาดทุนมากนักครับผม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ครับ
-
@meesookho ครับ อาจารย์จ๊อบ
-
สวัสดีครับ ถ้าโพสนี้พูดถึง เศรษฐกิจจีน: 2024
มุมมองส่วนตัว ปัจจัยที่ยังคงกดดันตลาดจีนอยู่ในปีนี้อย่างต่อเนื่อง ก็คงจะเป็นภาคอสังหาฯที่ล้มละลายไปบางเจ้า เมื่อปีก่อน และที่ยังสร้างไม่เสร็จแต่ไม่มีทุนในการสร้างต่อ
ภาครัฐมีมาตรการให้งบประมาณรัฐบาลท้องถิ่น/รัฐวิสาหกิจเข้าซื้อโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ และ สร้างต่อเพื่อเป็นสวัสดิการบ้านเอื้ออาทร(ขายถูกๆให้คนยากไร้) ตรงนี้ถือเป็น Momentum ที่ดีครับที่เริ่มเห็นทางการเข้ามาช่วยเหลือด้วยมาตรการต่างๆอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี วงเงินที่นำมาช่วยเหลือภาคอสังหาครั้งนี้ยังคงคิดเป็น 0.4% ของอสังหาฯที่มีปัญหาทั้งประเทศ
แต่อย่างน้อยก็เริ่มเห็นว่า ไม่นิ่งนอนใจครับ ค่อยช่วยกันอยู่เนืองๆ
ปีนี้จึงยังมอง sideway ครับ ทุกอย่างดูผ่อนคลายขึ้น มีมาตรการอัดฉีดกระตุ้น (ทีละนิด) เพิ่มเข้ามาในเนื้อหาข่าวเรื่อยๆ รวมถึง Monthly earning revision เป็นบวก(บางๆ)ได้สำเร็จ มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ก็ต้องจับตามองกันต่อไปครับผม
-
เอาใจช่วยจีนครับ อยากเห็นมาตรการกระตุ้นแบบจริง จัง เกินเบอร์ กับเขาบ้าง ส่วนจะเลือกลงทุนหรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่ความเสี่ยงของแต่ละคนละ ว่าชอบ มวยรองไหม
ความเสี่ยงคงเป็นเรื่องประชากรชราและหดตัว ที่อาจแก้ไม่ได้เร็วนัก -
@phongthorn ครับ จีนมีหลายมุมจริงๆ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนเฉพาะ
บางกลุ่ม คิดว่าครับ -
@tiantayach ผมมองจีนในปีนี้ ค่อนข้าง postive โดยส่วนตัวนะครับ